วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วิธีสร้างฐานข้อมูล Mysql

ผมจะยกตัวอย่างการสร้างฐานข้อมูลโดยการใช้ phpMyAdmin หลังจากติดตั้ง Appserv แล้วนะครับ
ขั้นตอนที่ 1 เปิดเว็บบราวเซอร์ แล้วเข้าไปที่ http://localhost/ หรือ 127.0.0.1 ดังรูปที่ 1 ภาพหน้าแรกของ Appserv



ขั้นตอนที่ 2 คลิกที่ phpMyAdmin Database Manager Version 2.10.3 แล้วจะเจอ popup ให้ใส่ username และ password ดังรูปที่ 2



ให้ใส่ username กับ pass ที่ท่านได้กำหนดตอนติดตั้งโปรแกรมนะครับ เสร็จแล้วเลือกภาษาให้เป็นภาษาไทยด้วยนะครับ สำหรับบางท่านที่เป็นภาษาอังกฤษ โดยเลือกที่ช่อง เลือกภาษา ตามตัวอย่างรูปที่ 3 ครับ




ขั้นตอนที่ 3 จากนั้นกรอกชื่อฐานข้อมูลต้องการที่ช่อง "สร้างฐานข้อมูลใหม่" แล้วกดปุ่ม "สร้าง" ดังรูปที่
3




จากนั้นก็จะมาขั้นตอนการสร้างตารางของฐานข้อมูลครับ โดยการ ใส่ชื่อตารางที่ช่อง "สร้างตารางในฐานข้อมูลนี้" และกำหนดจำนวน fields ที่ท่านต้องการ สำหรับตัวอย่างนี้ ผมจะสร้างตารางเก็บประวัิติลูกค้า โดย จะใช้ชื่อตารางว่า customer และมีจำนวน fields 5 fields





ขั้นตอนที่ 4 หลังจากที่กำหนดชื่อตารางและกำหนด fields เสร็จแล้ว ก็จะเข้าสู่หน้าจอการกำหนด คุณสมบัติของ fields ครับ โดยผมจะยกตัวอย่างการสร้าง fields ดังต่อไปนี้
1. รหัส (id)
2. ชื่อ (name)
3. นามสกุล (surname)
4. ที่อยู่ (address)
5. เบอร์โทรศัพท (phone)
ซึ่งเราจะต้องกำหนดชนิดของตัวแปรในส่วนนี้ด้วยครับ

ชนิดของข้อมูลที่สนับสนุน

ชนิดข้อมูลที่ MySQL สนับสนุนแบ่งเป็นสามประเภทหลักใหญ่ๆ
  • ชนิดข้อมูลที่เป็นตัวเลข
    • BIT (มีใช้ได้กับ MyISAM, InnoDB, Memory)
    • TINYINT
    • SMALLINT
    • MEDIUMINT
    • INT
    • BIGINT
  • ชนิดข้อมูลที่เกี่ยวกับวันที่และเวลา
    • DATETIME
    • DATE
    • TIMESTAMP
    • TIME
    • YEAR
  • ชนิดข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวอักษร
    • CHAR
    • VARCHAR
    • BINARY
    • VARBINARY
    • BLOB
    • TEXT
    • ENUM
    • SET
ถ้าต้องการความเข้าใจในรายละเอียด คลิกที่นี่




กำหนด ให้ รหัส (id) เป็น primary key และกำหนดให้เป็น auto_increment (สร้างรหัสอัตโนมัติ)โดยการคลิกเลือก ตามตัวอย่าง รูปภาพที่ 5




เมื่อกำหนดค่าต่างๆของฐานข้อมูลตาราง customer กดปุ่ม "บันทึก" หรือ ถ้าหากต้องการเพิ่ม field ก็สามารถ กดที่ "ลงมือ" ดังภาพที่ 6




เราก็จะได้ฐานข้อมูล ที่ชื่อ test_create_database และมีตารางชื่อ customer พร้อมใช้งานแล้วครับ






<?php
โค้ดเปิดการสร้างข้อมูลของโปรแกรม php
$sql ="select * from student order by id asc ";
Select หมายถึง เลือก
* หมายถึง เลือกทุกฟิลว์จากเทเบิล student
แล้วให้เรียงข้อมูลจากฟิลว์ชื่อ id ดยให้เรียงข้อมูลแบบ asc คือ การเรียงจากน้อยไปมาก
หากต้องการเรียงจากมากไปน้อยจะต้องใช้แบบ dasc 
$query=mysql_query($sql) or die(mysql_error());
คือการประมวลผลคำสั่ง sql โดยใช้ฟังก์ชัน$query
Query หมายถึง การประมวลผล
$num=mysql_num_rows($query);
mysql_num_rows คือ การเช็คข้างบนเร็คคอทว่าจากคำสั่ง sql ด้านบนมีกี่เร็ทคอท
echo $num;
การแสดงตัวแปรนำว่าค่าเท่าไหร่
?>
เครื่องหมายโค้ดที่แสดงถึงการจบโค้ดของ php

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เขียนโปรแกรม

$score=65; if($score < 50){echo 'grade 0';}

else if($score <55){echo 'grade 1';} 

else if($score <60){echo 'grade 1.5';}

else if($score <65){echo 'grade 2';} 

else if($score <70){echo 'grade 2.5';}

else if($score <75){echo 'grade 3';} 

else if($score <80){echo 'grade 3.5';}

else{echo 'grade 4';}

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556



แพนนาคอตต้า ( Panna cotta )





Panna cotta

ส่วนผสม พันนาคอตต้า
นมสด หรือเฮฟวี่ครีม 500 กรัม
เจลาตินผง 50 กรัม
น้ำตาลทราย 50 กรัม
ชามะลิ หรือวนิลา 5 กรัม

ส่วนผสมซอสทับทิม
น้ำทับทิม 200 กรัม
เจลาตินแผ่น 2 แผ่น

วิธีทำ
1. นำนมสด ชามะลิ ตั้งไฟพอร้อน คนตลอดเวลา

2. เติมเจลาตินผง ลงไป คนให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ เติม น้ำตาลทราย ใช้อุณหภูมิประมาณ80-85องศาเซลซียส ประมาณ 3-5 นาที (สังเกตดูจากควันที่ลอยขึ้นมา)

3. นำส่วนผสมที่ได้ เทใส่พิมพ์ ตามต้องการ พักไว้พออุ่น นำเข้าตู้เย็น พออยู่ตัว นำเสิร์ฟกับซอสผลไม้หรือแต่งหน้าด้วยผลไม้สด

วิธีทำซอสทับทิม
1. นำเจลาตินแผ่นไปแช่น้ำเย็นจัด พอนุ่ม

2. นำน้ำทับทิมไปตั้งไฟพออุ่น เติมเจลาตินที่นุ่มแล้วลงไป คนพอเข้ากัน อุณหภูมิประมาณ 80-85 องศาเซลเซียส

3. พักไว้พออุ่น ใช้เป็นส่วนผสมในการแต่งหน้า Pannacotta ให้สวยงาม

Tips ถ้าใครไม่ชอบดื่มนม อาจใช้น้ำเต้าหู้ หรือน้ำนมข้าวโพดแทนนมได้เหมือนกันโดยนำข้าวโพดฝักมาฝาน บางๆ จากนั้นนำไปบด คั้นเอาเฉพาะน้ำมาใช้ ก็ได้สารอาหารมากเช่นกัน เวลาจะแกะ Pannacotta ออกจากพิมพ์ ให้นำไปหล่อน้ำร้อนสักครู่ แล้วจะแกะออกง่ายขึ้น

ส่วนผสม สำหรับตัว Panna cotta สูตร 2

วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย (250ml)
นมสด 1 ถ้วย (250ml)
น้ำตาล 1/4 ถ้วย (50 กรัม)
เจลาติน 2 แผ่น (เจลาตินผง 1/2 ช้อนโต๊ะ)
วานิลา 2 ช้อนชา

**และ ถ้าชอบเนื้อขนมที่เข้มมัน ก็อาจจะใช้วิปปิ้งครีมแทนนมสดทั้งหมดในสูตรได้ **

ส่วนผสมสำหรับทำ Strawberry Sauce:

สตรอเบอรรี่สด 250 กรัม
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
น้ำสะอาด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำตัว Panna cotta.

1. ตัดเจลาตินเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วแช่ในนมสด 1/2 ถ้วย ให้นิ่ม

2. ผสมส่วนผสมที่เหลือ (วิปปิ้งครีม + นมสด + น้ำตาล) คนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ หมั่นคน ระวังอย่าให้เดือด ขั้นตอนนี้ต้องการเพียงแค่อุ่นส่วนผสมของนมและครีมให้ร้อนจัดเท่านั้น พอส่วนผสมร้อนจัดแล้ว ยกลง เติมเจลาตินที่แช่นมเอาไว้ และ วานิลา คนให้เข้ากันและเจลาตินละลายหมด

3. กรอง ผ่านกระชอนตาถี่ ๆ (เพื่อเอาเจลาตินที่ละลายไม่หมดออกทิ้งไป)

4. เรียงถ้วย Ramekin หรือ พิมพ์สวย ๆ ลงในถาด เติมน้ำเย็น ลงไปถาด จากนั้นเทส่วนผสมที่กรองไว้ใส่ในพิมพ์ พักไว้ให้เย็น จากนั้นปิดหน้าถ้วย(หรือพิมพ์) ด้วย Plastic Wrap กันหน้าแห้ง

5. นำเข้าตู้เย็น ทิ้งไว้จนกระทั่ง set ตัวดี (อย่างน้อย 3 ชั่วโมง แต่ถ้าจะให้ดี ควรทิ้งไว้ค้างคืน)

วิธีทำ Strawberry Sauce.

1. ล้างสตรอเบอร์รี่เร็ว ๆ แล้วซับให้แห้ง เอาก้านออก(ถ้ามี) แล้วผ่าสี่ ใส่ลงในหม้อเคลือบ เติมน้ำตาลทราย และ น้ำสะอาด ลงไป ยกขึ้นตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน พอเดือดยกลง

2. เทใส่ในเครื่องปั่นหรือเครื่องผสมอาหาร ปั่นให้ส่วนผสมเข้ากันดี เทออกกรองด้วยกระชอนตาถี่ ๆ (สำหรับผู้ใหญ่ที่ชอบให้มีรสสัมผัสของเมล็ดเล็ก ๆ ของสตรอเบอร์รี่ จะไม่กรองซอสก็ได้ แต่ถ้าที่บ้านมีเด็ก แนะนำว่า ควรกรองซอส ไม่อย่างนั้น จะระคายคอ ยิ่งถ้าเป็นพวก Mixed Berries ด้วยละก็ ไม่กรอง นี่คันคอยิบ ๆ เชียว เพราะฉะนั้น จำไว้ว่า ถ้าทำพวก Berries Sauce ควรจะกรองนะจ๊ะ พอกรองซอสแล้ว ก็เอาใส่ภาชนะแล้วพักไว้ให้เย็น ปิดหน้าด้วย Plastic Wrap แล้วนำเข้าตู้เย็น


**เวลาเสิร์ฟ ให้นำถ้วย Panna cotta ไปวางไว้ในถาดที่มีน้ำอุ่นหล่ออยู่ ใช้มีดแซะรอบ ๆ แล้วยกออกจากถาด ออกเคาะใส่จาน ราดด้วย Strawberry Sauce ที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ **



เค้กชาไทย ( Thai Milk Tea Cake)








เค้กชาไทย

ส่วนผสมเค้ก
แป้งเค้ก 60 กรัม
น้ำตาลป่น 30 กรัม
เกลือ 1/4 ช้อนชา
ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
วนิลาผง 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 40 กรัม
ไข่แดง 2 ฟอง
ชาไทย 60 กรัม (ชงเองโดยใช้ชาผง 5 ช้อนโต๊ะกับน้ำร้อน 1 ถ้วยตวง)
ไข่ขาว 2 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลป่น 30 กรัม

วอร์มเตาอบไว้ที่ 180 c เตรียมพิมพ์ 8 นิ้ว ปูกระดาษไขไม่ต้องทาไขมัน

วิธีทำ
1. ร่อนส่วนผสมของแห้ง แป้ง ผงฟู น้ำตาล(ส่วนที่ 1) เกลือ วนิลา ไว้ในชามผสม ทำหลุมตรงกลาง แล้วพักไว้

2. นำไข่แดง น้ำมันพืช และชาไทย เทรวมกันไว้ แล้วใช้ตะกร้อมือคนผสมให้เข้ากัน

3. ใช้ตะกร้อมือคนผสมส่วนที่ 1 กับ 2 ให้เข้ากันแล้วหยุดเลย

4. ตีไข่ขาวและครีมออฟทาร์ทาร์ด้วยความเร็วสูงจนเป็นฟองละเอียด เติมน้ำตาลทรายป่น (ส่วนที่ 2) ลงไป ตีจนไข่ขาวตั้งยอดแข็ง

5.ผสมส่วนของไข่ขาวให้กับส่วนของไข่แดง ใช้พายยางพลิกตลบล่างขึ้นบนหรือบนลงล่างไปมาเบาๆ อย่าให้เหลือไข่ขาวเป็นก้อน ไม่งั้นแล้วเค้กของเราจะมีโพรงอากาศ

6 เทใส่พิมพ์ อบไฟ บนล่าง 180 C ประมาณ 20-25 นาที แล้วแต่เตาอบ พอเค้กสุกนำออกจากเตากระแทกพิมพ์เพื่อให้โครงสร้างอยู่ตัว 1 ที ลอกกระดาษไขออกแล้วผึ่งให้เย็น

7. เค้กเย็นแล้วใช้มีดแซะขอบเค้ก นำเค้กออกจากพิมพ์ สไลซ์เค้กแแบ่งเป็น 2 ชั้น ปาดครีมตามใจชอบ

ส่วนผสมครีมแต่งหน้า
วิปปิ้งครีม 2 1/2 ถ้วย
น้ำตาล 1/4 ถ้วย
นมข้นหวาน 1/2 ถ้วย
ชาไทยชงเข้มข้น 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

ผสมชากับนมข้นหวานและน้ำตาลคนให้ละลาย จากนั้นตีวิปปิ้งครีมกับจนตั้งยอดอ่อน ค่อย ๆ เติมชา

นม ลงทีละน้อยในขณะที่ตีครีมจนหมด ตีต่อจนตั้งยอดแข็ง นำไปปาดหน้าเค้ก


สตรอเบอรี่สเวิร์ลชีสเค้ก
 ( Strawberry Swirl Cheesecake )










สตรอเบอรี่สเวิร์ลชีสเค้ก

ส่วนผสม
1. ชอร์ทเบรด คุกกี้ 10 ออนซ์ (ใช้แกรแฮม หรือเป็นคุกกี้ที่ใช้ทำ
ชีสเค้กครัสต์อื่น ๆก็ได้ค่ะ)
2. เนยจืด ¼ ถ้วย ประมาณ 55 กรัม
3. สตรอเบอรี่สด 3 ถ้วย
4. ครีมชีส 4 แพคๆละ 8 ออนซ์ (ตั้งไว้ให้นุ่มอุณหภูมิห้อง)
5. น้ำตาล 1-1/3 ถ้วย
6. แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
7. ไข่(อุณหภูมิห้อง) 4 ฟอง
8. วิปปิ้งครีม 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
10. วานิลลา 2 ช้อนชา

วิธีทำ
เปิดเตาอบ 325 F
เตรียมถาดอบแบบสปริงฟอร์ม ขนาด 9 นิ้ว ห่อถาดด้วยอลูมีเนียมฟลอยล์ ให้มิดชิดกันไม่ให้น้ำเข้า

วิธีทำครัสต์
1. ป่นคุกกี้ให้ละเอียด อาจจะใส่ถุงพลาสติกแล้วทุบเอา หรือใช้ไม้กลิ้งไปมาให้ละเอียด ให้ได้ 2-1/4 ถ้วย จากนั้นเอามาผสมกับเนยละลาย ผสมให้เข้ากันแล้วเอาไปใส่พิมพ์ กรุให้เรียบ และให้สูงจากขอบประมาณ 1 นิ้ว จากนั้นเอาไปอบ 8 นาที ครบตามเวลาเอาออกจากเตามาวางไว้ให้เย็น

2. นำสตรอเบอรี่ไปปั่น จากนั้นกรองเอากากออก ให้ได้น้ำสตรอเบอรี่ประมาณ 1 ถ้วย

3.ตีครีมชีสและน้ำตาลโดยใช้ความเร็วต่ำ ตีจนผสมเข้ากันแล้วใส่แป้ง ใส่ไข่ 2 ฟองลงไปตีความเร็วต่ำจนเข้ากันดี จากนั้นใส่ไข่ 2 ฟองที่เหลือลงไป ตีต่อไป ใส่วิปปิ้งครีม น้ำมะนาว วานิลลา ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อครีมเนียน

4. ตักส่วนผสมที่ได้ แยกออกมา 2-1/2 ถ้วยค่ะ ใส่น้ำสตรอเบอรี่คั้น 3/4 ถ้วย ลงไป แล้วค่อย ๆ คนให้เข้ากัน แล้วเทลงในครัสต์ที่เตรียมไว้ค่ะเป็นการอบชั้นที่หนึ่ง

5. วางพิมพ์อบชีสเค้ก ลงในถาดอีกใบนึง จากนั้นค่อย ๆ เติมน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น ลงไป ให้ความสูงของน้ำประมาณครึ่ง ของถาดอบชีสเค้กค่ะ อบไฟ 325 F ใช้เวลา 35 นาที

6. เมื่ออบครบเวลา ค่อย ๆ ดึงถาดออกมาด้านหน้าเตาอบ จากนั้นเทส่วนผสมครีมชีสที่ตักเก็บไว้ลงไปค่ะ ตอนเทให้เทได้ระดับเดียวกัน หน้าขนมจะได้เรียบเสมอกัน

7. ทำลวดลายโดยเริ่มจากการหยดน้ำสตรอเบอรี่คั้นที่เหลือ ¼ ถ้วย ลงไปเป็นจุดห่าง ๆ กันให้ทั่ว บนส่วนผสมครีมชีสชั้นที่สอง แล้วใช้มีดปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟัน ลากต่อจุด (โดยระวังไม่ให้ปลายมีดจิ้มลึกถึงชั้นแรก) ก็จะได้ลวดลายตามใจชอบ

8. จากนั้นอบต่ออีก 20 นาทีค่ะ จะสังเกตได้จาก ขอบขนมเริ่มฟองขึ้น หน้าขนมแห้ง อาจจะมีรอยแตกบ้าง ไม่ต้องตกใจ ยกออกจากเตาอบได้เลย ค่อย ๆ ยกถาดชีสเค้กออกมาถาดน้ำ ค่อย ๆ แกะฟลอยล์ที่ห่อถาดอบออก

9. วางให้เย็นในอุณหภูมิห้อง ประมาณ 2 ชั่วโมง ถ้าอากาศแห้ง ให้ใช้เปเปอร์ทาว ปิดด้านบน หน้าขนมจะได้ไม่แห้ง ใช้เปเปอร์ทาวเพื่อ ความร้อนจากขนมจtถูกระบายผ่านได้ง่ายและ หน้าขนมก็จะไม่แฉะ ครบ 2 ชั่วโมงแล้ว เอาเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนเสริฟ



บลูเบอร์รี่มูสเค้ก 
( Blueberry Mousse Cake )











บลูเบอร์รี่มูสเค้ก

ส่วนผสม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 1/3
แป้งเค้ก 1/3
ผงฟู 1/2 ชช.
เกลือ 1/4 ชช.
น้ำมันพืช 1 ชต.
นมสด 1 ชต.
กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ 2 ครั้ง รวมกัน พักไว้
ตอกไข่ใส่โถเตรียมไว้

2. ใช้ตะกร้อมือตีไข่ให้แตก ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทรายทีละน้อย นำไปตั้งไฟอ่อนปานกลาง ตีต่ออย่าหยุด จนส่วนผสมไข่ร้อนขึ้น ลองใช้มือแตะดู
อุ่นๆ แล้วปิดไฟ เทใส่โถตี ใช้สปีดสูงสุดตีไปประมาณ 10 นาที จนฟู

3. ตีตัดฟองอากาศด้วยความเร็วต่ำอีก 1 นาที เสร็จแล้วเติมแป้ง+วานิลลาลงไป ใช้ตะกร้อมือผสมให้เข้ากัน

4. นำน้ำมัน+นมผสมรวมกันไปเวฟ 15 วิ แล้วแบ่งใส่ทีละ 1 ชต. ผสมๆ ให้เข้ากันดี

5. เทใส่พิมพ์ขนาด 10 นิ้ว ที่รองกระดาษไขที่เตรียมไว้แล้ว ปาดๆ ให้เสมอกัน อบไฟ 305 F 15-20 นาที ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วลอกกระดาษไขออก
สไลด์เป็น 2 เลเยอร์ วางสปองค์ชิ้นแรกลงไปในพิมพ์เตรียมไว้

ส่วนผสมมูสบลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่ 350 กรัม
น้ำเลม่อน 1 ลูก
เจลาตินแช่น้ำ 3 แผ่น

นำบลูเบอร์รี่+น้ำเลม่อนตั้งไฟให้เดือด เคี่ยวต่อจนบลูนิ่ม เติมเจลาตินที่แช่น้ำแล้วลงไป คนต่อจนเจลาตินละลาย กรองหรือปั่น พักไว้ให้คลายร้อน

ส่วนผสมอิตาเลียนเมอร์แรงค์
น้ำตาลทราย 120 กรัม
น้ำเปล่า 5 ช้อนโตีะ
ไข่ขาว 3 ฟอง

วิธีทำ
1. นำไข่ขาวใส่โถตีเตรียมไว้ก่อนเลย

2. นำน้ำ+น้ำตาลทรายตั้งไฟให้เดือด ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัด
ให้ได้อุณหภูมิ 120 องศา ปิดไฟ

3. ตีไข่ขาวด้วยสปีดสูงสุด ค่อยๆ เติมน้ำเชื่อมลงไปทีละน้อย ตีจนตั้งยอดแข็ง

4. ตีวิปครีม 300 กรัม ตีจนตั้งยอดอ่อนแล้วนำส่วนเมอร์แรง 1/3 ผสมลงไปในส่วนวิปครีมที่ตีแล้ว แล้วเทส่วนผสมทั้งหมดกลับลงไปในส่วนเมอร์แรงผสมจนเข้ากันดี

5. นำส่วนเมอร์แรงกับวิปครีมที่ผสมกันเรียบร้อยแล้ว 1/3 ผสมลงไปในส่วนบลูเบอร์รี่ ให้เข้ากัน แล้วเทส่วนผสมทั้งหมดกลับลงไปในส่วนที่เหลือ ตล่อมจนเข้ากันดีค่ะ เสร็จแล้วเทลงพิมพ์ได้เลย แล้วใช้สปาตูล่าปาดๆๆ หน้าให้เรียบๆ ทิ้งไว้ในตู้เย็นสัก 1-2 ชม. ให้หน้าเซ็ทตัว แล้วทำเจลาตินเคลือบหน้าเค้กต่อ

น้ำบลูเบอรรี่ 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 50 กรัม
น้ำเปล่า 50 กรัม
เจลาตินผง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
ผสมน้ำ, น้ำบลูเบอรรี่, น้ำตาลตั้งไฟให้เดือด เคี่ยวให้เหนียวๆ หน่อย
เติมเจลาตินที่แช่น้ำแล้วลงไป คนต่อจนเจลาตินละลาย

ทิ้งไว้ให้เย็น ส่วนผสมจะข้นขึ้น นำไปราดหน้าเค้กได้เลยค่ะ คอยเอียงๆ พิมพ์เอา ไม่ต้องใช้สปาตูล่าปาด เสร็จแล้วแช่เย็นต่อจนเซ็ตตัว

สตรอเบอรี่ครีมชีสเจลลี่โรล
 ( Strawberry Cream Cheese Jelly Roll )








สตรอเบอรี่ครีมชีสเจลลี่โรล

ส่วนผสม
แป้งสาลี 3/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
ไข่ 3 ฟองใหญ่ (อุณหภูมิห้อง)
ผงฟู 1 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย
วนิลา 1 ช้อนชา
ครีมชีส 8 oz 1 ก้อน (อุณหภูมิห้อง)
นม 2 ช้อนโต๊ะ
ไอซิ่ง 2 ช้อนโต๊ะ
สตรอเบอร์รี่ 12-15 ลูก (ในสูตรเขาใช้บลูเบอรรี่)
แยมผิวส้ม 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. เปิดเตาอบไว้ที่ 375 F ปูกระดาษไขที่พิมพ์ขนาด 15 1/2 x 10 1/2 x 1 นิ้ว เตรียมไว้

2. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ รวมกัน 2 ครั้งแล้วพักไว้

3. ตอกไข่ใส่ชามผสม แล้วตีด้วยความกลางประมาณ 2 นาที แล้วเร่งความเร็วเป็นความเร็วสูง ค่อยใส่น้ำตาลลงไป ตีจนได้ส่วนผสมที่เหนียวและเป็นสีครีม ลดความเร็วเครืองเหลือต่ำ ใส่น้ำและวนิลาลงไปผสมให้เข้ากัน

4. ปิดเครื่อง แล้วใส่ค่อยๆใส่ส่วนผสมแป้งลงไป ใช้พายค่อยๆตล่อมส่วนผสมจากข้างล่างขึ้นมาเบา ๆ จนส่วนผสมเข้ากัน

5. เทใส่ถาดที่เตรียมไว้ เกลี่ยให้เรียบ แล้วใช้ไม้จิ้มฟันลากซิกแซกไล่ฟองอากาศใหญ่ๆออก

6. นำเข้าอบประมาณ 12-15 นาที เช็คสุดได้โดยใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มเค้กดู ถ้าไม่มีเศษแป้งติดไม้ขึ้นมาก็เป็นอันว่าใช้ได้แล้ว

7. ช่วงที่รอเค้กสุกก็ทำครีมรอโดยการตีครีมชีสให้นุ่มแล้วใส่นมกันไอซิ่งลงไปผสม ตีต่อจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน


8. คว่ำถาดขนมลงบนผ้าขาวบางที่ปูบนตะแกรง ดึงกระดาษออก ตัดขอบแข็ง ๆ ของขนมออก จากนั้น
ม้วนขนมตามยาวให้แน่นแต่ม้วนเบามือ คลายผ้าที่ม้วนออกหลวม ๆ คลุมขนมไว้ ปล่อยให้ขนมเย็น จึงคลี่ออกทาแยมและครีมชีส วางสตรอเบอรี่ แล้วจึงม้วนตามเดิม แช่เย็นทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วเอาออกมาตัดขนมเป็นชิ้น



ชีสเค้กบราวนี่ ( Cheesecake Brownies )








ชีสเค้กบราวนี่

ส่วนผสม
แป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
วนิลา 1 ช้อนชา
เนยสด 3/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
ไข่ไก่ 3 ฟอง
เกลือ 1/4 ช้อนชา
วอลนัทสับหยาบๆ 1 ถ้วย
ช็อคโกแลตชนิดไม่หวาน 4 0z
ครีมชีส 1 ก้อน (8 ounce)
ไข่ 1 ฟอง
น้ำตาล 1/3 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ
1. เปิดเตาอบที่ 350 F (180 C ) ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน 3 ครั้ง แล้วพักไว้

2. ละลายเนย 1/2 ถ้วย กับช็อคโกแลตด้วยไฟอ่อน จนละลายเข้ากันดี

3. ใส่น้ำตาลลงไป คนให้น้ำตาลละลาย ใส่ไข่ไก่ วนิลา ผสมให้เข้ากัน ใส่แป้ง และเม็ดมะม่วง ผสมจนเข้ากันดี

4. เทใส่พิมพ์ขอบตื้น 13 x 9 ที่ทาเนยและรองกระดาษไขเรียบร้อยแล้ว

5. ตีครีมชีสกับน้ำตาลทรายให้เนียน เเล้วใส่ไข่ลงไปตีให้เข้ากัน เติมน้ำมะนาวคนให้เข้ากันอีกที

6. จากนั้นเทส่วนผสมครีมชีลงไปบราวนี้ ตอนเทให้เทได้ระดับเดียวกัน หน้าขนมจะได้เรียบเสมอกัน

7. ทำลวดลายโดยใช้มีดปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟัน ลากไปมา ก็จะได้ลวดลายตามใจชอบ

8. นำเข้าอบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ นาน 35 นาที หรือจนสุก แล้วพักให้เย็นก่อนตัดเป็นชิ้น